บทคัดย่อ

                  การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ ๑. เพื่อศึกษาวิเคราะห์ปัญหา อุปสรรค และกระบวนการบริหารจัดการงานทะเบียนและบัตรขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไทย  ๒. เพื่อศึกษาวิเคราะห์ขีดความสามารถในการรองรับงานทะเบียนและบัตรขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเชิงพุทธบูรณาการและ ๓. เพื่อวิเคราะห์นำเสนอรูปแบบการบริหารงานทะเบียนและบัตรขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเชิงพุทธบูรณาการ

            ระเบียบวิธีวิจัยใช้แบบผสานวิธี ระหว่างการวิจัยเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ ซึ่งเน้นการวิจัยเชิงคุณภาพเป็นหลักและนำผลการวิจัยเชิงปริมาณมาสนับสนุน   การวิจัยเชิงคุณภาพ กำหนดผู้ให้ข้อมูลหลัก ๒๑ รูป/คน เลือกแบบเจาะจงจากผู้ทรงคุณวุฒิเครื่องมือเก็บข้อมูล ได้แก่ แบบสัมภาษณ์เชิงลึกที่มีโครงสร้าง เก็บข้อมูลด้วยการสัมภาษณ์เชิงลึกตัวต่อตัว วิเคราะห์ข้อมูลด้วยวิธีการพรรณนาความ การสนทนากลุ่มเฉพาะ ผู้ร่วมสนทนากลุ่มจำนวน ๑๐ คน เลือกแบบเจาะจง เก็บข้อมูลด้วยการสนทนากลุ่ม วิเคราะห์ข้อมูลด้วยการพรรณนาความ การวิจัยเชิงปริมาณ เก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างจำนวย ๓๕๔ คน ด้วยแบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติพรรณนา ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน

              ผลการวิจัยพบว่า

              ๑. ปัญหา อุปสรรค และกระบวนการบริหารจัดการงานทะเบียนและบัตรขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในสังคมไทย พบว่า เจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงานไม่เพียงพอ ส่งผลให้ต้องมีการเพิ่มบริการช่วงพักกลางวัน มีขั้นตอนในการบริการที่สลับซับซ้อน งานทะเบียนเป็นงานที่ต้องเน้นความถูกต้องเพราะงานทะเบียนเป็นงานค่อนข้างจะเสี่ยง ถ้าไม่ถูกต้องตามกฎหมายค่อนข้างจะมีปัญหา เป็นหัวใจหลักเน้นประสิทธิภาพและคุณภาพเพื่อการบริหารที่ดี เกิดประโยชน์สุขแก่ประชาชนอย่างแท้จริง จัดเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ มีการกำหนดปรัชญา นโยบายและเป้าหมายองค์การที่ชัดเจนร่วมกัน กำหนดตำแหน่งและลักษณะงานที่องค์การต้องการ ผู้บังคับบัญชาให้คำปรึกษาเรื่องเกี่ยวกับงานเป็นอย่างดี บุคลากรพอใจในการบริการด้านระบบเทคโนโลยี มีการระบุกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับที่สำคัญและจำเป็นต่อการดำเนินงาน โดยรวมอยู่ในระดับมาก (= ๓.๗๗)

              ๒. ขีดความสามารถในการรองรับงานทะเบียนและบัตรขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเชิงพุทธบูรณาการ พบว่า รวดเร็ว รอบคอบในการให้บริการของเจ้าหน้าที่ที่ให้บริการสำหรับประชาชน สามารถรองรับงานทะเบียนและบัตรประชาชนได้ เจ้าหน้าที่ต้องทำงานให้ประชาชนในท้องถิ่นยอมรับ น่าเชื่อถือเอาการงานหน้าที่เป็นเครื่องรองรับ เอาสติ ปัญญามาใช้ ผู้บริหารต้องสร้างแรงจูงใจ แก่พนักงาน หรือผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา ผู้บริหารต้องมีคุณธรรมคือ เมตตา รักใคร่ ปรารถนาดีต่อลูกน้อง บุคลากรขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้ใช้หลักธรรมคือ อิทธิบาท ๔ ในด้านวิริยะ
ร้อยละ ๔๘.๘ ในด้านการการวางแผนให้ข้าราชการฝึกอบรมพัฒนาสม่ำเสมอเพื่อให้มีความรู้ความสามารถเพียงพอที่จะสามารถปฏิบัติหน้าที่อยู่ในระดับมาก ส่วน ในด้านจิตตะ ร้อยละ ๓๔.๗
ในด้านเจ้าหน้าที่ขาดความรู้ ความเข้าใจ และบางส่วนไม่กล้าตัดสินใจในงานที่รับผิดชอบอยู่ในระดับต่ำ

              ๓. เสนอรูปแบบการบริหารงานทะเบียนและบัตรขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเชิงพุทธบูรณาการ พบว่า สร้างแรงจูงใจทางบวก เช่น เป้าหมาย เงิน ตำแหน่ง และสวัสดิการ มีทฤษฎีแรงจูงใจ ความต้องการของมาสโลว์ ควรนำหลักพุทธธรรมกับหลักวิชาการมาบูรณาการร่วมกัน ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา ต้องสนองความต้องการของประชาชน รวดเร็ว ถูกต้อง ส่วนรูปแบบการบริหารงานทะเบียนและบัตรขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเชิงพุทธบูรณาการ อยู่ในระดับมาก
จะเห็นได้ว่า

                  การประยุกต์ใช้หลักอิทธิบาท ๔ ในการวางแผน มีความพอใจ กำหนดนโยบาย เป้าหมายเกี่ยวกับงานทะเบียนและบัตร เพียรพยายามในการจัดทำแผนงาน มีใจใฝ่การให้บริการที่มีคุณภาพ  การมีส่วนร่วมในการจัดทำแผนงานของหน่วยงาน การจัดองค์กรตามหลักอิทธิบาท ๔ มีการฝึกอบรมพัฒนาสม่ำเสมอเพื่อให้มีความรู้ความสามารถเพียงพอที่จะสามารถปฏิบัติหน้าที่ พยายามการบริหารงานที่โปร่งใส ยุติธรรม ตรวจสอบได้ มีการฝึกอบรมเกี่ยวกับงานทะเบียนและบัตรเพื่อเป็นมืออาชีพด้วยใจที่ดีงาม การจัดกิจกรรมเพื่อยกย่องผู้ที่มีผลงานโดดเด่นโดยการให้รางวัลอย่างสม่ำเสมอ การบังคับบัญชาตามหลักอิทธิบาท ๔ มีการสนองตอบความต้องการของลูกค้า ประชาชน ในการให้บริการด้วยความรวดเร็ว และประทับใจ มีการให้บริการนอกสถานที่ของเทศบาลเกี่ยวกับงานทะเบียนและบัตร มีการนำพาพนักงานของเทศบาลไปศึกษาดูงานของเทศบาลที่ได้รับรางวัลดีเด่นเป็นประจำ การประสานงานตามหลักอิทธิบาท ๔ มีงบประมาณเพียงพอแก่การบริหารงานด้านทะเบียนและบัตร มีผู้บังคับบัญชาของข้าพเจ้ามักจะแจ้งข้อมูลข่าวสารต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ มีช่องทางการสื่อสารในหน่วยงานมีจิตเพียงพอและหลากหลาย มีการให้บริการด้านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ จากหน่วยงานในปัจจุบันเพียงพอต่อความต้องการ และการควบคุมตามหลักอิทธิบาท ๔ มีอุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ในหน่วยงาน พยายามให้มีการเลื่อนตำแหน่งที่เที่ยงตรง โปร่งใส และตรวจสอบได้ มีการเลื่อนเงินเดือนที่เป็นระบบ โปร่งใส เป็นธรรม และตรวจสอบได้ด้วยจิตที่บริสุทธิ์
มีการตรวจสอบ ติดตาม ประเมินผลการทำงานของงานทะเบียนและบัตรเป็นประจำทุกปี เจ้าหน้าที่ขาดความรู้ ความเข้าใจ และบางส่วนไม่กล้าตัดสินใจในงานที่รับผิดชอบ

 ดาวน์โหลด