หน้าหลัก ค้นหา ติดต่อ สมุดโทรศัพท์ การเรียน/การสอน เหตุการณ์ แผนที่เว็บ Thai/Eng
MCU

หน้าหลัก » ปิ่นปินัทธ์ เหลืองพิทักษ์
 
เข้าชม : ๒๐๐๐๒ ครั้ง
การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ตามหลักภาวนา ของบุคลากรกองบำรุงทาง เขตลำปาง ศูนย์บำรุงทางภาคเหนือ ฝ่ายการช่างโยธา การรถไฟแห่งประเทศไทย (รัฐประศาสนศาสตร์)
ชื่อผู้วิจัย : ปิ่นปินัทธ์ เหลืองพิทักษ์ ข้อมูลวันที่ : ๐๒/๐๒/๒๐๑๘
ปริญญา : พุทธศาสตรมหาบัณฑิต(การบริหารจัดการคณะสงฆ์)
คณะกรรมการควบคุมวิทยานิพนธ์ :
  -
  ฐิติวุฒิ อรุณศิโรจน์
  -
วันสำเร็จการศึกษา : ๒๒ มีนาคม ๒๕๕๘
 
บทคัดย่อ

บทคัดย่อ

การศึกษาวิจัยเรื่อง การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ตามหลักภาวนา ของบุคลากรกองบำรุงทางเขตลำปาง ศูนย์บำรุงทางภาคเหนือ ฝ่ายการช่างโยธา การรถไฟแห่งประเทศไทย มีวัตถุประสงค์ในการวิจัยคือ ๑) เพื่อศึกษาการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ตามหลักภาวนา ของบุคลากรกองบำรุงทางเขตลำปาง ศูนย์บำรุงทางภาคเหนือ ฝ่ายการช่างโยธา การรถไฟแห่งประเทศไทย ๒) เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยส่วนบุคคลกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ตามหลักภาวนา ของบุคลากรกองบำรุงทางเขตลำปาง ศูนย์บำรุงทางภาคเหนือ ฝ่ายการช่างโยธา การรถไฟแห่งประเทศไทย         ๓) เพื่อศึกษาปัญหาและแนวทางแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ตามหลักภาวนา     ของบุคลากรกองบำรุงทางเขตลำปาง ศูนย์บำรุงทางภาคเหนือ ฝ่ายการช่างโยธา การรถไฟแห่งประเทศไทย และ ๔) เพื่อศึกษาแนวทางการนำหลักภาวนา ไปประยุกต์ใช้กับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของบุคลากรกองบำรุงทางเขตลำปาง ศูนย์บำรุงทางภาคเหนือ ฝ่ายการช่างโยธา การรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งประชากรและกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ บุคลากรของกองบำรุงทางเขตลำปาง จำนวน ๒๑๓ คน ซึ่งกลุ่มตัวอย่างใช้สูตรคำนวณขนาดกลุ่มตัวอย่างของทาโร่ ยามาเน่ ได้ขนาดกลุ่มตัวอย่าง คือ ๑๓๙ คน จากนั้นใช้วิธีการจับฉลากและเก็บข้อมูลโดยใช้แบบสอบถาม (Questionnaire) และทำการวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูปเพื่อการวิจัยทางสังคมศาสตร์ เพื่อหาค่าความถี่ (Frequency) ค่าร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (Mean) และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน(Standard Deviation) และทำการทดสอบสมมติฐานด้วยสถิติทดสอบไคสแควร์             (Chi – SquareTest) ( ) ในส่วนของข้อคำถามปลายเปิดที่แสดงปัญหาอุปสรรค และข้อเสนอแนะ ผู้วิจัยทำการจัดกลุ่มตามประเด็นที่กำหนดไว้ในแบบสอบถามปลายเปิด จากนั้นจะทำการวิเคราะห์ โดยใช้การแจกแจงความถี่ (Frequency) และข้อมูลจากการสัมภาษณ์ ผู้วิจัยทำการจัดกลุ่มข้อมูลสาระสำคัญของประเด็นการสัมภาษณ์ จากนั้นจึงทำการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงเนื้อหา 

ผลการวิจัยพบว่า

๑. บุคลากรกองบำรุงทางเขตลำปาง ส่วนใหญ่เป็นเพศชาย จำนวน ๑๓๑ คน คิดเป็น  ร้อยละ ๙๔.๒ มีอายุระหว่าง ๓๑ – ๔๐ ปี และ ๔๑ – ๕๐ ปี จำนวน ๔๖ คน คิดเป็นร้อยละ ๓๓.๑   ระดับการศึกษาอยู่ในระดับต่ำกว่าปริญญาตรี จำนวน ๑๐๑ คน คิดเป็นร้อยละ ๗๒.๗ มีระยะเวลาการปฏิบัติงาน ๑๐ – ๒๐ ปี จำนวน ๕๑ คน คิดเป็นร้อยละ ๓๖.๗ มีตำแหน่งอื่นๆ (ลูกจ้างเฉพาะงาน, ช่างฝีมือ)  จำนวน ๑๒๓ คน คิดเป็นร้อยละ ๘๘.๕ และมีรายได้ ๑๐,๐๐๑ – ๓๐,๐๐๐ บาท            จำนวน ๖๘ คน คิดเป็นร้อยละ ๔๘.๙

๒. ระดับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ตามหลักภาวนา ของบุคลากรกองบำรุงทาง           เขตลำปาง  ศูนย์บำรุงทางภาคเหนือ ฝ่ายการช่างโยธา การรถไฟแห่งประเทศไทย พบว่า บุคลากร         มีระดับความคิดเห็นที่มีต่อการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ตามหลักภาวนา ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก             ( = .๕๗) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่าด้านสีลภาวนา จิตตภาวนาและปัญญาภาวนา             อยู่ในระดับมาก ส่วนในด้านกายภาวนาอยู่ในระดับปานกลาง

๓. การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยส่วนบุคคลกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์           ตามหลักภาวนา ของบุคลากรกองบำรุงทางเขตลำปาง การทดสอบสมมติฐานโดยการวิเคราะห์ความแตกต่างตามการจำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคลได้แก่ เพศ อายุ ระดับการศึกษา ระยะเวลาปฏิบัติงาน ตำแหน่ง และรายได้ พบว่า ปัจจัยส่วนบุคคลด้านการศึกษามีความสัมพันธ์กับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ตามหลักภาวนา อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ ๐.๐๑ ส่วนปัจจัยส่วนบุคคลด้านอื่นๆ             ไม่มีความสัมพันธ์กับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของบุคลากรกองบำรุงทางเขตลำปาง ศูนย์บำรุงทางภาคเหนือ ฝ่ายการช่างโยธา การรถไฟแห่งประเทศไทยในทุกด้าน

๔. ปัญหาและอุปสรรคในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ตามหลักภาวนา ของบุคลากร           กองบำรุงทางเขตลำปาง ศูนย์บำรุงทางภาคเหนือ ฝ่ายการช่างโยธา การรถไฟแห่งประเทศไทย          พบว่า ด้านกายภาวนา มีปัญหาด้านการขาดแคลนบุคลากร บุคลากรไม่เพียงพอต่อการปฏิบัติงาน ควรเพิ่มอัตรากำลังหรือเพิ่มจำนวนบุคลากรให้มากยิ่งขึ้นเพื่อให้เพียงพอต่อการปฏิบัติงาน              ด้านสีลภาวนา คนภายในองค์กรขาดความสามัคคี ควรมีการจัดกิจกรรมเพื่อเสริมสร้าง               การมีปฏิสัมพันธ์กันภายในองค์กร เพื่อให้เกิดความรัก สามัคคีต่อกัน ด้านจิตตภาวนา ปัญหาการความท้อแท้ในการทำงาน เมื่อเจออุปสรรค ควรมีการจัดปฏิบัติธรรมเพื่อการพัฒนาจิตใจให้มีสภาวะเข็มแข็ง สามารถเผชิญต่อปัญหา อุปสรรคที่จะต้องพบเจอในการปฎิบัติงานได้ในทุกรูปแบบ             ด้านปัญญาภาวนา การทำงานตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชาไม่ได้ใช้ศักยภาพ ของตนเองในการปฏิบัติงานอย่างเต็มที่ ควรเปิดโอกาสบุคลากรได้ใช้ความรู้ความสามารถ           และประสบการณ์ในการปฏิบัติงาน และสามารถตัดสินใจแก้ไขปัญหาเร่งด่วนในสถานการณ์คับขัน          ได้ เพื่อให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด

             ๕. ผลการศึกษาเชิงคุณภาพ พบว่า ผู้ให้ข้อมูลสำคัญส่วนใหญ่เน้นในเรื่องของวิธีการเสริมสร้างการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้มีคุณภาพ สอดคล้องกับหลักภาวนา ในส่วนของการพัฒนา      ในด้านต่างๆ เพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ อันจะเกิดผลดีต่อทั้งผู้ปฏิบัติงาน          และองค์กรในภาพรวม

ดาวน์โหลด

 
 
สงวนลิขสิทธ์โดยมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธ์ พ.ศ. ๒๕๓๗ 
พัฒนาและดูแลโดย : webmaster@mcu.ac.th 
ปรับปรุงครั้งล่าสุดวันพฤหัสบดี ที่ ๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๕